|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวธุรกิจบริการ : |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เกร็ดน่ารู้ - สาระงานบริการ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวสารโรงแรมและรีสอร์ท🎉🎉 |
|
|
|
|
|
|
|
|
ประกาศแต่งตั้งบุคคล |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวฝึกอบรมงานธุรกิจบริการ |
|
|
|
|
|
|
|
|
รางวัลธุรกิจบริการ |
|
|
|
|
|
|
|
|
โรงแรม รีสอร์ท เปิดใหม่ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวงานโรงแรม ขอนแก่น ⚡⚡ |
|
|
|
|
|
|
|
|
โรงแรมรับสมัคร พนักงานรายวัน - Casual |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คิดแบบ ดีล เมคเกอร์ ระดับโลก (ตอน 1) [00/00/543] 2123 ครั้งที่อ่าน |
|
มุมที่ผมมอง โดยเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) คิดแบบ ดีล เมคเกอร์ ระดับโลก (ตอน 1) |
|
สำหรับท่านที่ได้อ่านกรณีศึกษาการ ซื้อ-สร้าง-ขาย อสังหาฯ ของมืออาชีพระดับโลกไปแล้วนั้น ท่านคงได้ทราบว่ามีกฎการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 12 ข้อ ซึ่งได้แก่ 1) ต้องได้ข้อตกลงที่ดี 2) เข้าใจวงจรธุรกิจ 3) ใช้เงินของคนอื่น 4) กำหนดเป้าหมายกระแสเงินสด 5) เดินตามแผนอย่างแน่วแน่ 6) หาทำเลที่เหมาะสม 7) หาประโยชน์จากวิกฤต 8) เสี่ยงอย่างมีชั้นเชิง 9) จ้างผู้บริหารที่เจนจัด 10) หาที่ปรึกษาภาษีมืออาชีพ 11) ฝ่าด่านคำปฏิเสธ และ12) ขายหากเป็นประโยชน์ ซึ่งในกฎข้อที่ 1 เรื่องการได้ข้อตกลง หรือ ดีล (Deal) ที่ดีนั้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนอื่น ๆ ทั่วไป
ในบทความชุดนี้ผมจึงอยากพูดถึงการคิดแบบ ดีล เมคเกอร์ (Deal Maker) ระดับโลก ว่าเขาเหล่านั้นมีแนวคิดและวิธีการอย่างไรในการได้ข้อตกลงที่ดีที่สุด โดยผมได้รวบรวมแนวคิดเหล่านี้จากประสบการณ์ พร้อมการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ จากดีล เมคเกอร์ หลายท่านทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในนิวยอร์ก รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) ซึ่งเป็นดีล เมคเกอร์คนหนึ่งที่เป็นผู้กุมวงการสื่อของโลก วอร์เร็น บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนและดีล เมคเกอร์ชั้นนำของโลก หรือแม้แต่ เจ. พี. มอร์แกน (J. P. Morgan) ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเงินมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นต้น การคิดแบบ ดีล เมคเกอร์ ระดับโลกนั้นมีแนวคิดสำคัญอยู่ 6 ข้อ ซึ่งได้แก่ 1) คิดใหญ่ 2) คิดรอบด้าน 3) คิดจากจุดแข็ง 4) คิดหาทางเลือก 5) คิดเผื่อทางออก และ 6) คิดสนุก ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าท่านผู้อ่านได้ศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะช่วยคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยเปิดประตูสู่ความสำเร็จในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนอื่น ๆ ของท่านได้
1. คิดใหญ่
ในตอนนี้ผมจะพูดถึงแนวคิดที่ 1 คือการคิดใหญ่ ว่าเราจะสามารถคิดใหญ่เหมือนดีล เมคเกอร์ ระดับโลกเหล่านั้นได้อย่างไร ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการคิดใหญ่ ประกอบด้วย 1.1 มีวิสัยทัศน์กว้างไกล 1.2 มีความทะเยอทะยาน และ 1.3 มีความคิดในเชิงบวก
1.1 มีวิสัยทัศน์กว้างไกล: โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นดีล เมคเกอร์ คนหนึ่งที่มีคุณสมบัติในข้อนี้ชัดเจนมาก ซึ่งทรัมป์เคยพูดว่า คนส่วนใหญ่ชอบที่จะคิดเล็ก เพราะว่าเขาเหล่านั้นกลัวความสำเร็จ กลัวการตัดสินใจ กลัวชัยชนะ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้คนอย่างผมได้เปรียบอย่างมหาศาล เมื่อเขายังเด็ก พ่อของเขาได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับชนชั้นกลางในเขตบรู๊คลิน และควีนส์ ซึ่งทรัมป์ได้คิดใหญ่และมองไกลเกินกว่านั้น โดยเขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการของเขาในทำเลที่ดีที่สุดของนครนิวยอร์ก เขาจึงมุ่งหน้าสู่แมนฮัตตัน ทรัมป์ยอมรับว่าเขาไม่ได้ต้องเพียงการใช้ชีวิตที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องการที่จะสร้างตำนานมากกว่า โดยการพัฒนาโครงการที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอนุสรณ์ให้ได้ การคิดใหญ่ของทรัมป์ทำให้เขาพัฒนาโครงการขนาดใหญ่กว่า 100 เอเคอร์ (ประมาณ 250 ไร่) ริมแม่น้ำในฝั่งตะวันตกของเกาะแมนฮัตตัน หรือการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ใกล้สถานีรถไฟ Grand Central Station บริเวณพาร์ค อเวนิว และถนนที่ 42 (42nd Street) เป็นต้น
ทรัมป์บอกว่า สิ่งสำคัญของการคิดใหญ่คือการมองไกลและการมุ่งมั่น ไม่ว่าคนอื่นอาจจะมองว่าคุณบ้า แต่สิ่งที่คุณทำจะยิ่งใหญ่มากหากเมื่อดีลจบลงแล้วคุณได้สิ่งที่คุณต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในนครนิวยอร์กที่มีแต่นักธุรกิจที่ฉลาด เฉียบแหลม และเขี้ยวลากดิน ผมกลับชอบที่จะต่อสู้กับพวกเขา และผมก็รักที่เอาชนะพวกเขาเหล่านั้นด้วย
ดีล เมคเกอร์ อีกท่านหนึ่งที่ผมจะขอยกตัวอย่างการคิดใหญ่ ด้วยการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลคือบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเงินมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก ซึ่งท่านผู้นั้นคือ จอห์น เพียร์พอนท์ มอร์แกน หรือที่รู้จักกันในนาม เจ. พี. มอร์แกน (J.P. Morgan) เจ. พี. มอร์แกน เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยเขาได้ใช้เครือข่ายทางธุรกิจการเงินธนาคารของเขากอบกู้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา รักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์ และการสร้างมาตรฐานของการรถไฟในสหรัฐอเมริกา
เจ. พี. มอร์แกน เกิดในปี 1837 และได้เริ่มทำงานเป็นนักบัญชีให้กับบริษัท Duncan, Sherman and Company ในนิวยอร์ก และได้ทำงานในวงการการเงินและธนาคารมาโดยตลอด จนในที่สุดเขาได้ก่อตั้งบริษัทของเขาเองที่ชื่อว่าบริษัท Drexel, Morgan and Company ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท J.P. Morgan & Co. บริษัทการเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบัน
ขณะที่ เจ. พี. มอร์แกน อายุ 35 ปี อาณาจักรธุรกิจและการเงินของเขามีสินทรัพย์และเงินทุนมากกว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเสียอีก มอร์แกน เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลซี่งไม่ได้มองเฉพาะความร่ำรวยของตัวเขาเอง แต่ยังมองถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติอีกด้วย ในช่วงทศวรรษ 1870 เขากลายเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้แก่โทมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ในการประดิษฐ์คิดค้นต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบไฟฟ้านานกว่า 20 ปี และมอร์แกนได้ทำดีลควบรวมกิจการระหว่างบริษัทของเอดิสันที่ชื่อว่า Edison General Electric Company กับบริษัท Thomson-Houston Company โดยใช้ชื่อว่า General Electric Company (GE) บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งดีลนี้ไม่เพียงแต่ทำกำไรมหาศาลให้กับมอร์แกน แต่สำหรับสหรัฐอเมริกาแล้ว การควบรวมกิจการในครั้งนั้นช่วยลดภาวะการแข่งขันที่รุนแรง โดยการสร้างมาตรฐานของอุปกรณ์ไฟฟ้า อัตราค่าไฟฟ้าและบริการต่าง ๆ
นอกจากนี้ ในปี 1885 มอร์แกนได้เริ่มที่จะเข้าซื้อกิจการของบริษัทรถไฟต่าง ๆ ที่มีปัญหา เขาได้รวบรวมบริษัทรถไฟหลายสายตั้งแต่ฝั่งตะวันตก ถึงฝั่งตะวันออก โดยรวบรวมเส้นทางที่ทับซ้อน และแข่งขันกันเอง เข้ามาดำเนินการจัดการธุรกิจแบบใหม่ ปรับปรุงให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัวและควบคุมด้านการเงินทุกบริษัทโดยเปลี่ยนการแข่งขันเป็นความร่วมมือกัน เพื่อให้ธุรกิจเกิดความมั่นคงมากขึ้น จนในที่สุดทำให้มอร์แกนเป็นเจ้าของบริษัทรถไฟที่มีทางรถไฟยาวกว่า 5,000 ไมล์ หรือ 75% ของทางรถไฟทั่วสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น การดำเนินการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัทเหล่านั้น เป็นที่กล่าวขวัญอย่างมาก จนมีการเรียกการปฏิรูปกิจการรถไฟของเขาว่า Morganization
1.2 มีความทะเยอทะยาน: ความทะเยอทะยาน เป็นคุณสมบัติอีกข้อหนึ่งของคนที่คิดใหญ่ และดีล เมคเกอร์ ที่มีคุณสมบัติข้อนี้ชัดเจนที่สุดคนหนึ่งคือ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก อภิมหาเศรษฐีเจ้าของ อาณาจักรนิวส์คอร์ป (News Corporation Ltd.) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อครบวงจร และ ธุรกิจบันเทิง เช่น ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ เช่น The Weekly Standard และธุรกิจหนังสือพิมพ์ เช่น New York Post ของสหรัฐอเมริกา The Sun ของอังกฤษ และThe Australian ของออสเตรเลีย เป็นต้น
ในวัย 70 กว่าปี เมอร์ด็อกยังคงทำงานเหมือนกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ความมุ่งมั่นทะเยอทะยานของเขาไม่เคยลดน้อยลงเลย พนักงานคนหนึ่งในบริษัทพูดถึงเมอร์ด็อกว่า (โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เมอร์ด็อกก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน เขามีพลังงานเหลือเฟือเหมือนคนอายุ 35 ปี) พลังงานเป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน แต่การทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยปราศจากเป้าหมายก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ เลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลงานที่คุณทำมากกว่า เมอร์ด็อกจึงให้ความสำคัญต่อผลงานและความคิดมากกว่าสิ่งอื่น อย่างที่เขาเคยกล่าวว่า ที่ News Corporation เราสนใจในความคิดที่ดีใหม่ ๆ โดยไม่ได้สนใจแต่เพียงตัวเงินเท่านั้น
แนวคิดในความทะเยอทะยานของเมอร์ด็อกมี 4 ข้อ ได้แก่
- จงเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา (Keep Learning) เมอร์ด็อกเรียนรู้และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- จงตั้งคำถามตลอดเวลา (Keep Questioning) เมอร์ด็อกชอบที่จะสังเกตและตั้งคำถามในสิ่งต่าง ๆ ที่เขาเห็น เพราะการตั้งคำถามเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้บริหารสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร
- จงทำงานตลอดเวลา (Keep Working) ด้วยอายุ 70 กว่าปี เมอร์ด็อกยังมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อบริษัทของเขา ทะเยอทะยานเพื่อความสำเร็จของบริษัทและของเขา และ
- จงหัดที่จะทำผิดบ้าง (Keep Making Mistakes) เมอร์ด็อกกล่าวว่า สิ่งที่ดีในอุตสาหกรรมโทรทัศน์คือคุณสามารถที่จะกลบความผิดพลาดของคุณได้อย่างรวดเร็ว และทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีขึ้น และบ่อยครั้งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่มักจะมาจากความผิดพลาดของคุณเอง
1.3 มีความคิดในเชิงบวก: ความคิดในเชิงบวก เป็นคุณสมบัติที่สำคัญข้อสุดท้ายของการคิดใหญ่ ซึ่งประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ของสหรัฐอเมริกาเคยกล่าวว่า ความสุขของคนเรา ขึ้นอยู่กับความคิดของคน ๆ นั้น (Most folks are about as happy as they make up their minds to be.) ซึ่งผมเห็นด้วยกับคำคมอันนี้มาก เพราะคุณคิดอะไรก็จะได้อย่างนั้น คิดบวกก็จะได้ผลพวงจากสิ่งที่คิดใหญ่ คิดดี ลงมือกระทำแต่สิ่งดี ๆ สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม ผลตอบแทนกลับมาก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดี เป็นสุขมากกว่าทุกข์ ยกตัวอย่างเรื่องน้ำครึ่งแก้ว คือคนที่คิดในเชิงบวกก็จะมองว่าน้ำเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว ส่วนคนที่คิดในเชิงลบก็จะมองว่าน้ำหมดไปแล้วครึ่งแก้ว จากจำนวนน้ำที่เท่ากัน แต่คนกลับมองไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันก็คือทัศนคตินั่นเอง
ตัวอย่างของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความคิดในเชิงบวก คือ มิโนรุ โมริ (Minoru Mori) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Mori Building ซึ่งโมริ ถือเป็นดีล เมคเกอร์ ท่านหนึ่งที่คิดใหญ่ โดย โมริ คิดแต่เพียงว่าเขาจะทำโครงการของเขาให้สำเร็จได้อย่างไร และไม่เคยนำเอาอุปสรรคต่าง ๆ มาเป็นข้ออ้างที่จะนำไปสู่ความล้มเหลว อย่างเช่นการพัฒนาโครงการรอปปองงิ ฮิลล์ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2,250 ล้านเหรียญสหรัฐของเขา ซึ่งเขามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์รูปแบบการใช้ชีวิตเมืองแบบใหม่ให้กับสังคมคนโตเกียว เขาต้องใช้ความอดทนและการคิดในเชิงบวกในการทำข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินทั้งแปลงใหญ่และเล็กกว่า 400 ราย มาเป็นที่ดินผืนใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งใช้ระยะเวลาถึง 14 ปี จนโครงการได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน 2003 และประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน
แม้ว่าจะมีนักวิเคราะห์หลายคนไม่เชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากบริษัทของโมริมีหนี้สินถึง 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่โมริก็ไม่เคยที่จะนำคำสบประมาทเหล่านั้นมาบั่นทอนความเชื่อมั่นของเขาที่จะทำโครงการให้สำเร็จได้
เราสามารถที่จะสร้างทัศนคติที่ดีได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดจากภายในของเรา โดยอาศัยหลักการ 3 Cs ได้แก่ Commitment (การยึดมั่น) Control (การควบคุม) และ Challenge (การท้าทาย)
- Commitment: การคิดในเชิงบวก เราควรจะสร้างความยึดมั่นเชิงบวกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเราเอง การทำงาน ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง เราควรจะฝึกที่จะให้กำลังใจ ชื่นชมตัวเองและผู้อื่น มุ่งมั่นและมั่นใจว่าเราทำได้ ด้วยความกระตือรือร้นที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
- Control: การคิดในเชิงบวก เราต้องควบคุมจิตใจของเราโดยมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่สำคัญ และกำหนดเป้าหมายพร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญในสิ่งที่คุณคิดและกระทำ พัฒนาทักษะและกลยุทธ์ในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ และเรียนรู้ที่จะสนุกกับความสำเร็จ
- Challenge: การกล้าคิดในเชิงบวก เราต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงให้ดีขึ้นทุกวัน จงทำให้ดีที่สุด และเรียนรู้ที่จะมองความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส ทดลองสิ่งใหม่ ๆ พบคนใหม่ ๆ และมองโลกในแง่ดี คนที่มีคุณลักษณะทั้ง 3 ข้อนี้ จะเป็นผู้ชนะในช่วงเวลาที่ดี และจะเป็นผู้ที่สามารถเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัยในช่วงเวลาวิกฤต
ผมหวังว่าท่านคงได้รู้แนวคิดในการคิดใหญ่ของดีล เมคเกอร์ ระดับโลกหลายท่านแล้ว ตอนหน้าผมจะพูดถึงแนวคิดข้อที่ 2 ของการคิดแบบดีล เมคเกอร์ ระดับโลกคือการคิดรอบด้าน ครับ
| |
|
|
|
|
|
|
ลงประกาศข่าวฟรี |
|
สามารถส่งข่าว และโพสประกาศงานฟรี ได้โดย คลิกทีนี่ เพื่อฝากประชาสัมพันธ์ข่าวโรงแรม และข่าวอื่นๆ ฟรี (รวมโพสงานแบบโพสเตอร์) |
|
|
|
|
|
|
|
|
Statistics Visitor |
|
1456Online |
160Today |
140Yesterday |
3,672Month |
4,852Last month |
3,485,440Visitor |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถิติสมาชิก |
|
ประวัติผู้สมัคร81,142 |
บริษัทสมาชิกพิเศษ1,664 |
บริษัทสมาชิกทั่วไป5,814 |
ตำแหน่งงาน11,387 |
|
|
|
|
|
|
|
|
Appointment News |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวสารธุรกิจบริการ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวอื่นๆ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวสารท่องเที่ยวและทัวร์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวร้านอาหารและอาหารแนะนำ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวสารธุรกิจสปา |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวสารธุรกิจการบิน |
|
|
|
|
|
|
|
|
ข่าวแด่นวันนี้ |
|
|
|
|
|
|
|
|
โรงแรมรีสอร์ททั่วโลก |
|
|
|
|
|
|
|
|
ซื้อขายโรงแรม และ ขายที่ดิน- |
|
|
|
|
|
|
|
|
วิดีทัศน์อบรมงานบริการ |
|
|
|
|
|
|
|
|
โรงแรมพิเศษและแปลก |
|
|
|
|
|
|
|
|
โปรโมชั่นพิเศษ!! |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|